สอวช.ระดมเครือข่ายถอดบทเรียนพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก
ไอที


ดร. กิติพงค์ กล่าวอีกว่า เพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบาย BCG เห็นผลเป็นรูปธรรม สอวช. ได้มีแผนการดำเนินงานจัดทำกลุ่มมาตรการ (Policy Package) เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจฐานราก ในลักษณะเดียวกันกับมาตรการ EEC ที่บูรณาการเครื่องมือและมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐมาส่งเสริมให้เกิดการลงทุนหรือการพัฒนาเขตเศรษฐกิจบนฐานนวัตกรรม โดยชุมชนและท้องถิ่นจะต้องได้รับประโยชน์โดยตรง ซึ่งจะเริ่มจากกลุ่มเกษตรและท่องเที่ยวก่อน และขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำเป็นข้อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีหรือคณะกรรมการระดับชาติ เช่น คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
"ที่ผ่านมาทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน หรือมูลนิธิต่าง ๆ มีรูปแบบการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากที่ประสบความสำเร็จ (success model) สามารถนำเทคโนโลยีไปช่วยยกระดับรายได้ให้เกษตรกรอยู่เป็นจำนวนมาก และเพื่อให้ได้มาซึ่งแนวทางในการออกแบบมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้เกิดการลงทุนหรือการพัฒนาเขตเศรษฐกิจบนฐานนวัตกรรม สอวช.จึงจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ หัวข้อ “การจัดทำมาตรการ BCG เพื่อเศรษฐกิจฐานราก” ขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญและเกษตรกรที่ทำงานด้านการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากมานำเสนอโมเดลที่ประสบความสำเร็จ มาร่วมหารือแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ตลอดจนให้ข้อคิดเห็นต่อการออกแบบนโยบาย BCG เพื่อที่จะได้ถอดบทเรียนและหาแนวทางการขยายผล ซึ่งจะนำไปสู่การออกแบบกลุ่มมาตรการเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจฐานรากเพื่อนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรีต่อไป” ดร.กิติพงค์ กล่าว
สำหรับความเห็นของที่ประชุมดังกล่าว ได้เสนอแนวคิดการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากที่น่าสนใจหลายประเด็น โดยล้วนถอดมาจากบทเรียนและอุปสรรคที่เจอระหว่างการทำงาน และเห็นว่าเป็นประเด็นปัญหาที่ควรได้รับการแก้ไข เช่น ควรส่งเสริมให้เกิดการทำงานในรูปแบบสหกรณ์ที่ทำหน้าที่มากกว่าการให้สินเชื่อ แต่ต้องมีการบริหารจัดการเชิงระบบตลอดห่วงโซ่อุปทานและมีการจัดการที่มีธรรมาภิบาล อีกทั้งต้องทำให้เครือข่ายหรือสมาชิกที่เข้าร่วมโครงการมีความรับผิดชอบในเรื่องที่ทำร่วมกัน โดยรายได้บางส่วนของกลุ่มต้องกลับคืนไปเป็นสวัสดิการชุมชน เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ในด้านของการออกแบบนโยบาย สอวช. จะนำข้อเสนอแนะทั้งหมดมาวิเคราะห์ ก่อนขยายผลต่อในเชิงนโยบาย ซึ่งหัวใจสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก คือ การสร้างความเข้มแข็ง (empowerment) ให้คนในชุมชนสามารถคิดต่อยอดได้เองจากทุนหรือจุดแข็งที่แต่ละพื้นที่มี และทั้งหมดต้องอยู่บนฐานความต้องการของคนภายในชุมชนเอง