เอ็นไอเอหนุนนวัตกรรมเพื่อสังคมเปิดรับผลงานเพิ่มใน3พื้นที่
ไอที
ทั้งนี้ในช่วงตลอดระยะเวลากว่า 4 ปีที่ผ่านมา NIA มีความมุ่งมั่นในการลดปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำในประเทศไทยด้วยการส่งเสริมให้มีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้าไปใช้ในระดับพื้นที่ โดยมีกลไกการสนับสนุนนวัตกรรมเพื่อสังคม (Social Innovation) เป็นตัวเชื่อมโยงนักวิจัย อาจารย์ ผู้ประกอบการ วิสาหกิจเพื่อสังคม ให้เกิดการนำต้นแบบความคิด ผลงานวิจัย และไอเดียต่าง ๆ มาพัฒนาเป็นเครื่องมือหรือแพลตฟอร์มที่สอดคล้องกับปัญหาทางสังคมหลากหลายด้าน เช่น การจัดการภัยพิบัติ การท่องเที่ยวและวัฒนธรรม การจัดการพลังงาน การจ้างงานและสวัสดิการสังคม ฯลฯ ซึ่งได้ร่วมกับผู้ประกอบการและองค์กรต่างๆ พัฒนาโครงการไปแล้วทั้งสิ้น 115 โครงการ ภายใต้การให้ทุนสนับสนุน 116 ล้านบาท ก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจและการลงทุนเพิ่มขึ้น 759 ล้านบาท ตัวอย่างโครงการ อาทิ TrainKru : การฝึกอบรมและพัฒนาครูด้วยแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมทางการศึกษา และการเข้าถึงเทคโนโลยีการสอนสำหรับผู้ที่อยู่ห่างไกล Pannana : โปรแกรมช่วยแปลภาษาและการอธิบายภาพสำหรับผู้พิการทางการมองเห็น บั๊ดดี้ โฮมแคร์ : ระบบดูแลผู้สูงอายุ โดยเด็กด้อยโอกาส เป็นต้น
สำหรับในปี 2562 NIA ได้ริเริ่มโครงการ “หมู่บ้านนวัตกรรมเพื่อสังคม : Social Innovation Village” เพื่อแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำ - ความยากจนในระดับที่เล็กลง รวมถึงสร้างแพลตฟอร์มที่ตรงกับความต้องการของคนในแต่ละชุมชน โดยในระยะที่ 1 ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นไปแล้ว 3 ชุมชนได้แก่ ชุมชนเมืองจัง อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน ชุมชนอุ้มผาง อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก และชุมชนหนองมะโมง อำเภอหนองมะโมง จังหวัดชัยนาท
ส่วนในระยะที่ 2 กำลังเปิดรับผลงานนวัตกรรมอีก 3 พื้นที่ คือ ชุมชนจะรัง อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี ในหัวข้อนวัตกรรมการตลาดสำหรับสินค้าชุมชน นวัตกรรมการเงิน การจ้างงาน และสวัสดิการสังคม นวัตกรรมด้านเกษตรอินทรีย์ และนวัตกรรมพลังงานทดแทน ชุมชนเฉลิม อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส ในหัวข้อ นวัตกรรมการตลาดสำหรับสินค้าชุมชน นวัตกรรมการเงิน การจ้างงาน และสวัสดิการสังคม นวัตกรรมการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร และนวัตกรรมพลังงานทดแทน และชุมชนแม่เหาะ อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ในหัวข้อ นวัตกรรมแปรรูปกาแฟ นวัตกรรมการบริหารจัดการน้ำ นวัตกรรมเกษตรอัจฉริยะ และนวัตกรรมการท่องเที่ยวชุมชนและวัฒนธรรม
เปิดรับข้อเสนอนวัตกรรมตั้งแต่วันนี้ – วันที่ 31 พฤษภาคม 2562 โดยผลงานนวัตกรรมที่ผ่านการคัดเลือกจะได้รับทุนสนับสนุนสูงสุดโครงการละไม่เกิน 1.5 ล้านบาท พร้อมขึ้นทะเบียนเป็นผลงานนวัตกรรมแก้จน และจะนำไปใช้จริงในพื้นที่เป้าหมายต่อไป