สวทช.ร่วมจัดประชุมวิชาการด้านความหลากหลายทางชีวภาพ IBD2019
ไอที
ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)กล่าวว่า ความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity) ในประเทศไทย ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงสุด 8 อันดับแรกของโลก และสูงสุดเป็นอันดับ 3 ในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยมีพืชไม่น้อยกว่า 12,000 ชนิด ร้อยละ 8 ของพืชที่คาดว่ามีอยู่ในโลก และมีจุลินทรีย์ราว 150,000-200,000 ชนิด ร้อยละ 5-6 ของจุลินทรีย์ที่คาดว่ามีอยู่ในโลก ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สาธารณสุข และสิ่งแวดล้อม ซึ่งการพัฒนาประเทศบนฐานทรัพยากรชีวภาพทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดต้องการการวิจัย และการสร้างองค์ความรู้พื้นฐานทั้งที่เป็นความรู้สมัยใหม่และความรู้จากภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยการบูรณาการเชื่อมต่อกับศาสตร์ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรม ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยต้องเผชิญกับความท้าทายด้านการเปลี่ยนแปลงทางด้านสิ่งแวดล้อม สภาวะโลกร้อน ภัยพิบัติ ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบต่อทรัพยากรชีวภาพ ทำให้ต้องเร่งสร้างความรู้ พัฒนาการวิจัย และบริหารจัดการความหลากหลายทางชีวภาพอย่างบูรณาการระหว่างหน่วยงานที่ทำวิจัยและคุ้มครองปกป้องทรัพยากรชีวภาพทั้งภายในและต่างประเทศ
ทั้งนี้ด้วยความสนพระทัยและทรงห่วงใยเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศไทย ของ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี และประเทศไทยยังขาดศูนย์กลางการประสานงานของหน่วยงานต่างๆ ด้านความหลากหลายทางชีวภาพ จึงได้มีการจัดตั้ง “คณะกรรมการเครือข่ายวิจัยความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศเพื่อการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน ตามแนวพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี” ขึ้นในปี 2559 โดยมี สวทช. เป็นฝ่ายเลขานุการฯ คณะกรรมการประกอบด้วยคณะนักวิจัย นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานต่างๆ เพื่อสานต่อพระราชดำริ และผลักดันให้เรื่องความหลากหลายทางชีวภาพเป็นวาระแห่งชาติ เกิดการจัดทำกรอบนโยบายระดับชาติด้านการส่งเสริมการวิจัยเกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพเเละระบบนิเวศ รวมถึงการผลักดันให้เกิดการประชุมวิชาการนานาชาติด้านความหลากหลายทางชีวภาพขึ้นเป็นครั้งแรกที่หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมกันจัดขึ้น เพื่อประกาศให้สาธารณชนและผู้กำหนดนโยบายได้รับทราบถึงคุณค่าของทรัพยากรชีวภาพ และพลังของชุมชนในการร่วมกันอนุรักษ์ ดูแลรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ ตลอดจนการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ๆ ในการส่งเสริมการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรชีวภาพอย่างยั่งยืน
สำหรับงานประชุม IBD2019 มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้งานวิจัยและวิชาการด้านความหลากหลายทางชีวภาพทั้งในและต่างประเทศ เช่น ด้านอนุกรมวิธาน ด้านนิเวศวิทยา ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมการใช้ประโยชน์จากความหลากหลายทางชีวภาพ ด้านการอนุรักษ์และฟื้นฟูถิ่นอาศัยทั้งในและนอกถิ่นกำเนิด เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และนำความหลากหลายทางชีวภาพส่งเสริมเศรษฐกิจฐานชีวภาพอย่างยั่งยืน อีกทั้งยังเป็นการประชุมที่รวบรวม และประชาสัมพันธ์ผลงานด้านความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศไทยในทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน มหาวิทยาลัย ชุมชนท้องถิ่น เพื่อร่วมกันวางแนวทางการพัฒนาทรัพยากรความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อเกิดประโยชน์สูงสุดแก่คนไทย
นอกจากนี้ สวทช. ยังจัดให้มีการประชุม นำเสนอผลงาน สัมมนา และบรรยายพิเศษจากวิทยากรทั้งในและต่างประเทศ 116 คน จาก 27 ประเทศ ในหัวข้อหลัก 4 หัวข้อ ได้แก่ Species in Natural Ecosystem, Utilization, Impact and Threat, and Biodiversity Management และยังได้เชิญวิทยากรจากนักพฤกษศาสตร์ 16 ท่าน จากสวนพฤกษศาสตร์ชั้นนำของโลก มาบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับพืชและการรวบรวมพืชในสวนพฤกษศาสตร์ ซึ่งมีความสำคัญเนื่องจากเป็นแหล่งรวมความรู้และรักษาเกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพ การจัดนิทรรศการที่แสดงความมั่งคั่งทางทรัพยากรชีวภาพของประเทศจากภูเขาสู่ทะเล “Discovers the Treasures and Unique Biodiversity in Thailand (From the Mountain to the Sea) และกิจกรรมสาธิตเพื่อส่งเสริมอาชีพ และการแสดงผลิตภัณฑ์ของชุมชน
ด้านนางจุฬารัตน์ นิรัติศยกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (สพภ.) กล่าวว่า ในการประชุมวิชาการนานาชาติ IBD2019 นี้ สพภ. รับผิดชอบในการจัดนิทรรศการด้วยการรวมพลังของทุกหน่วยงานด้านความหลากหลายทางชีวภาพในประเทศไทยทั้งราชการ เอกชน ธุรกิจ และภาคประชาชน รวม 31 องค์กร 25 ชุมชน ร่วมกันจัดกิจกรรมนิทรรศการ ภายใต้แนวคิด “เมืองแห่งความอุดมสมบูรณ์ ด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ” หรือ “Bio-Wealth Country” ประกอบด้วยนิทรรศการ 9 ส่วน อาทิ นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ นิทรรศการวิทยาศาสตร์และลานเรียนรู้สำหรับเยาวชน นิทรรศการด้านการใช้ประโยชน์จากความหลากหลายทางชีวภาพของชุมชนท้องถิ่น นิทรรศการความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อการเก็บรักษาในระยะยาว นิทรรศการด้านการท่องเที่ยวเชิงนิเวศและอนุรักษ์ รวมทั้งกิจกรรมสาธิตเพื่อส่งเสริมอาชีพ และการแสดงผลิตภัณฑ์ของชุมชน ทั้งนี้ เพื่อแสดงให้เห็นเป็นประจักษ์ถึงความอุดมสมบรูณ์ของความหลากหลายทางชีวภาพบนผืนแผ่นดินไทย ซึ่งปัจจุบันได้มีการนำมาใช้สร้างประโยชน์ พัฒนาประเทศ และสร้างเสริมความอยู่ดีกินดีของประชาชนอย่างเหมาะสม โดยคำนึงถึงการดูแลรักษา และการคงอยู่ของความหลากหลายทางชีวภาพนั้นๆ ด้วย
งานดังกล่าวจะขึ้นระหว่างวันที่ 22-24 พฤษภาคม 2562 ณ ชั้น 21-22 เซ็นทาราแกรนด์ และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ ผู้สนใจ ดูรายละเอียดได้ที่ www.ibd2019.org