ตรวจน้ำตาลแบบไม่ต้องเจาะเลือด นวัตกรรมฝีมือวิศวะ สจล.
ไอที
ศาสตราจารย์ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดี สจล. กล่าวว่า วิศวกรรมศาสตร์เป็นสาขาวิชาที่มีบทบาทหลักในการสร้างนวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์ อำนวยความสะดวกและสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนให้ดีขึ้น วิศวกรจึงถือเป็น “ผู้สร้างสรรค์นวัตกรรม” เพื่อเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาสังคมความเป็นอยู่ ดังนั้น การผลิตบัณฑิตทางด้านวิศวกรรมจึงจำเป็นต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่รวดเร็ว รวมไปถึงตอบโจทย์การพัฒนาเศรษฐกิจในภาคอุตสาหกรรมการผลิตหลัก และอุตสาหกรรมในกลุ่มดิจิทัลใหม่ นอกจากนี้ วิศวกรจะต้องมีความรู้ควบคู่จรรยาบรรณวิชาชีพ ความรับผิดชอบต่อสังคม และผลกระทบที่อาจจะก่อมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
ด้าน รองศาสตราจารย์ ดร.คมสัน มาลีสี คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ สจล. กล่าวว่า สจล. ได้จัดงานแสดงโครงการด้านวิศวกรรม ประจำปี 2562 หรือ KMITL Engineering Project Day 2019 ขึ้น เพื่อกระตุ้นบรรยากาศการเรียนรู้ในรูปแบบแอคทีฟ เลิร์นนิ่ง (Active Learning) ที่มีเป้าหมายให้ผู้เรียนนำความรู้ที่ได้ในห้องเรียนสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรม งานวิจัย และสิ่งประดิษฐ์ สร้างวิศวกรที่มีทั้งความรู้ความสามารถและทักษะในการปฏิบัติงานจริง เรียนรู้การแก้ไขปัญหา และการทำงานเป็นทีมของนักศึกษา นอกจากนี้ จะมีการเรียนรู้ในรูปแบบสหวิทยาการ ระหว่างสาขาของคณะวิศวกรรมศาสตร์ เพื่อจุดประกายแนวคิดในการสร้างนวัตกรรมให้กับนักศึกษาต่อไป
ทั้งนี้ภายในงานได้มีการแสดงผลงานที่เป็นนวัตกรรมเด่น เช่น เครื่องตรวจระดับน้ำตาลในเลือดแบบไม่สัมผัสร่างกาย ที่พัฒนาขึ้นเพื่อลดการใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์จากการตรวจระดับน้ำตาลแบบเจาะเลือด ที่ต้องใช้แผ่นตรวจน้ำตาลที่มีราคาสูง ราว 25 – 40 บาท ต่อชิ้น และยังมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ทีมนักศึกษาชั้นปีที่ 4 จากภาควิชาวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ จึงพัฒนาเครื่องตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดแบบใหม่ขึ้นโดยอาศัยหลักการของอิมพีแดนซ์ สามารถวัดค่าน้ำตาลในเลือดได้โดย ไม่ต้องเจาะเลือด แต่อาศัยหลักการความสามารถในการนำไฟฟ้าของน้ำตาลในเลือดมาเป็นตัวแปรในการหาระดับน้ำตาลในเลือดแทน ซึ่งอนาคตสามารถประยุกต์ใช้งานกับการตรวจวัดอื่น ๆ ได้
ส่วนระบบการจัดการวันเก็บเกี่ยวทุเรียนบนสมาร์ทโฟนด้วยเทคโนโลยี RFID เป็นผลงานนักศึกษาชั้นปีที่ 4 จากภาควิชาวิศวกรรมเกษตร ที่พัฒนามาเพื่อช่วยแก้ปัญหาความคลาดเคลื่อนของข้อมูล เนื่องจากเดิมเกษตรกรชาวสวนทุเรียน จะใช้การจดบันทึกหรือความจำในการจัดการข้อมูลวันดอกบานหรือข้อมูลอื่นๆ ระบบนี้จะใช้แท็ก RFID เป็นอุปกรณ์ในการระบุตัวตนของต้นทุเรียนและใช้แอพพลิเคชันเป็นเครื่องมือหลักในการจัดการข้อมูล เพื่อพัฒนาระบบฐานข้อมูลสำหรับบริหารจัดการการเก็บเกี่ยวทุเรียน ข้อมูลที่บันทึกสามารถเรียกดูได้จากการสแกนแท็ก ด้วยเครื่องอ่านอาร์เอฟไอดีที่ทีมนักศึกษาพัฒนาขึ้นมาเองซึ่งมีราคาถูก
นอกจากนี้ยังมีโครงงานการลดการไหลของน้ำในดินเพื่อการปรับปรุงดินอย่างยั่งยืน ด้วยการนำแบคทีเรียเดกซ์ทรานซึ่งเป็นแบคทีเรียธรรมชาติมาใช้เพื่อลดอัตราการไหลของน้ำในดินทดแทนวิธีเดิมที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การพัฒนาตะเกียบรับประทานได้ จากแป้งข้าวโพดและแป้งถั่วเหลือง เพื่อทดแทนตะเกียบไม้ไผ่ชนิดใช้แล้วทิ้ง ซึ่งช่วยลดปัญหาการกำจัดขยะที่มีมากในปัจจุบัน
และต้นแบบขาเทียมควบคุมด้วยคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ การออกแบบขาเทียมที่ควบคุมการเคลื่อนไหวด้วยคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ (EMG) เพื่อแปลงสัญญาณและจำลองรูปแบบลักษณะคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ ให้ขาเทียมเคลื่อนไหวได้ตามความต้องการของผู้ใช้งาน
อย่างไรก็ดี ในวันที่ 26 เมษายน 2562 คณะวิศวกรรมศาสตร์ ยังคงจัดงานแสดงผลงานอีกหนึ่งวันโดยเป็นรอบของภาคอุตสาหกรรม ซึ่งผู้ประกอบการที่สนใจสามารถร่วมมือกับทางมหาวิทยาลัยในการพัฒนาต่อยอดผลงานต่าง ๆ ไปใช้ประโยชน์และออกสู่เชิงพาณิชย์ได้
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.kmitl.ac.th หรือ www.facebook.com/kmitlnews