ข่าววว.ถ่ายทอดเทคโนโลยีให้เอกชนผลิตเวชสำอางนาโนแฮร์โทนิค - kachon.com

วว.ถ่ายทอดเทคโนโลยีให้เอกชนผลิตเวชสำอางนาโนแฮร์โทนิค
ไอที

photodune-2043745-college-student-s
ดร.ชุติมา  เอี่ยมโชติชวลิต  ผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   กล่าวว่า  จากความสำเร็จของศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สมุนไพร วว. ในการวิจัยและพัฒนาสารสกัดจากดอกคำฝอย (Carthamus  tinctorius)  เป็นผลิตภัณฑ์เวชสำอางนาโนแฮร์โทนิค ซึ่งมีประสิทธิภาพช่วยในการเสริมความแข็งแรงของเซลล์รากผม บำรุงหนังศีรษะ ชะลอการหลุดร่วงและเสริมสร้างการเจริญเติบโตของเส้นผมได้เป็นอย่างดี โดยอาศัยวิทยาการด้านนาโนเทคโนโลยีที่กำลังเป็นที่ตื่นตัวในวงการวิชาการระดับนานาชาติ ตลอดจนสามารถใช้เป็นทางเลือกหนึ่งในการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์สมุนไพรสู่เชิงพาณิชย์ เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพนี้ให้แพร่หลาย   วว. จึงได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตผลิตภัณฑ์ดังกล่าวให้แก่บริษัทเฮอร์บอร์นิค จำกัด เพื่อนำไปผลิตในเชิงพาณิชย์ โดยจะมีการจำหน่ายทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) ในเชิงพาณิชย์ร่วมกันต่อไป

ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์เวชสำอางแฮร์นาโนโทนิคต้านการเกิดผมร่วงและเสริมสร้างการเจริญของเส้นผมจากสารสกัดดอกคำฝอย ภายใต้แบรนด์ Herberish  เป็นนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่ใช้ประโยชน์จากดอกคำฝอย ซึ่งเป็นสมุนไพรของประเทศไทยที่มีสรรพคุณในการบำรุงสุขภาพและป้องกันการเกิดโรคต่างๆ  จากงานวิจัยและพัฒนาของ วว. พบว่า สารสกัดดอกคำฝอยในตัวทำละลายที่เหมาะสมยังมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและสามารถยับยั้งเอนไซม์ 5α-reductase ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดผมร่วงและศีรษะล้านได้ใกล้เคียงกับตัวยามาตรฐาน Dutasteride และ Finasteride
 
จุดเด่นที่สำคัญของผลิตภัณฑ์นี้คือ การใช้วิทยาการด้านนาโนเทคโนโลยี (Nanoencapsulation) เพื่อกักเก็บและนำส่งสาร safflomin A  ซึ่งเป็นสารสำคัญที่ตรวจพบในดอกคำฝอย โดยเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นสามารถช่วยเพิ่มการซึมผ่านสาร safflomin A เข้าสู่ผิวหนังได้ดีกว่าการเตรียมสารสกัดในรูปสารละลายถึง 6 เท่า  เนื่องจากมีขนาดหยดอนุภาคภายในน้อยกว่า 50 นาโนเมตร  และมีความคงตัวทางกายภาพที่ดี ไม่เกิดการแยกชั้น หลังจากเก็บเป็นระยะเวลา 3 เดือน ที่อุณหภูมิ 30   องศาเซนเซียส   และ 45 องศาเซนเซียส
นอกจากนี้ยังพบว่า ผลิตภัณฑ์ไม่ก่อให้เกิดระคายเคืองต่อผิวหนังและหนังศีรษะของอาสาสมัคร ในด้านการทดสอบประสิทธิภาพในอาสาสมัครยังพบว่า ผลิตภัณฑ์สามารถช่วยส่งเสริมการเจริญของเส้นผมและช่วยชะลอการหลุดร่วงของเส้นผมคิดเป็นร้อยละ 16.48  ซึ่งดีกว่าผลิตภัณฑ์กลุ่มควบคุม (Placebo) หลังจากใช้ผลิตภัณฑ์เป็นเวลา 12 สัปดาห์ นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้นยังปราศจากซิลิโคน พาราเบน และซัลเฟต 

“...อุตสาหกรรมความงามเป็นอุตสาหกรรมหนึ่งที่สำคัญและสร้างรายได้ให้แก่ประเทศต่างๆอย่างต่อเนื่อง  ทั้งนี้มูลค่าของตลาดสินค้าความงามทั่วโลกมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกปี สำหรับประเทศไทยนั้นเป็นศูนย์กลางเวชสำอางอันดับ 3 ของเอเชีย ต่อจากญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ อีกทั้งยังเป็นประเทศที่ครอบครองตลาดความงามที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน โดยมีการผลิตสินค้าเพื่อส่งออกไปยังประเทศต่างๆทั่วโลกกว่า 97% ของการส่งออกผลิตภัณฑ์เวชสำอางเป็นผู้ประกอบการเวชสำอางรายย่อยและกลุ่ม SMEs เรียกได้ว่าผู้ประกอบการเวชสำอาง SMEs นั้น เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอุตสาหกรรมเวชสำอางของไทยให้ก้าวไกลระดับโลก การถ่ายทอดเทคโนโลยีผลงานวิจัยของ วว. สู่เชิงพาณิชย์ในครั้งนี้เป็นความสำเร็จอีกวาระหนึ่งในการนำ วทน.ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนา ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสังคมนวัตกรรมและขีดความสามารถการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการอย่างเป็นรูปธรรม...” ผู้ว่าการ วว. กล่าว

 ด้านนายวิบูลย์   อัศวะอำนวย  กรรมการบริษัทเฮอร์บอนิค จำกัด  กล่าวว่า  มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับ วว. ประทับใจในการทุ่มเททำงานและความรับผิดชอบของ วว. ในการผลิตผลงานวิจัยออกมามีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นเป็นประโยชน์มากต่อสังคมและการประกอบธุรกิจ ในการเพิ่มมูลค่าสมุนไพร ทรัพยากรในประเทศด้วย วทน. สู่การพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ทั้งนี้บริษัทมีเป้าหมายในการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์นี้ผ่านตัวแทนจำหน่ายและระบบออนไลน์ โดยมุ่งตลาดภายในประเทศและอาเซียน