"ดีเจ โกห์"มั่นใจ 3 เดือนคนไทยหันกลับมาใช้มือถือซัมซุง
ไอที
“ สองสามปีที่ผ่านมายอมรับว่าตลาดมือถือมีการแข่งขันกันมากเรื่องราคา โดยเฉพาะกับแบรนด์สมาร์ทโฟนจากจีน ซึ่งซัมซุงจะไม่ปฎิเสธว่าคือ คู่แข่ง เราพยายามศึกษาและเรียนรู้จากแบรนด์คู่แข่ง แต่เราจะไม่เลียนแบบ เพราะเรามีโรดแมพของเราที่เราจะโฟกัสตามกลยุทธ์ของตัวเองว่าอีก 5 ปี ข้างหน้าเราจะเติบโตและมีทิศทางเป็นอย่างไร โดยจะถือว่าประสบการณ์และความต้องการของผู้บริโภคเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด” นายดีเจ กล่าว
นายดีเจ โกห์ กล่าวต่อว่า ตลาดประเทศไทยเป็นตลาดที่สำคัญของซัมซุง ที่ผ่านมาซัมซุงถือเป็นผู้นำในตลาด แม้ว่าที่ผ่านมามีคู่แข่งทำผลงานได้ดี แต่ซัมซุงต้องรักษาความเป็นผู้นำไว้ให้ได้ต่อไป โดยกลยุทธ์ คือต้องเข้าใจเทคโนโลยี และต้องออกผลิตภัณฑ์ที่ตรงใจและผู้บริโภคยอมรับ อย่างเช่น ในตลาดไทย คนรุ่นใหม่จะชอบการแชร์เรื่องราวต่างๆ แบบเรียลไทม์ก็ต้องออกผลิตภัณฑ์ที่ทำให้คนกลุ่มนี้เห็นแล้วรู้สึกว่าโดนใจ อย่างเช่น กาแลคซี่ เอ ซีรี่ส์
นอกจากนี้ซัมซุงได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่ เมื่อก่อนนวัตกรรมที่คิดค้นออกมาใหม่ๆจะมีการนำมาใช้ในสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงก่อน แล้วค่อยนำมาใช้ในรุ่นรองๆ แต่กับ กาแลคซี่ เอ ซีรี่ส์ ได้มีการนำ นวัตกรรมกล้องหมุนได้ มาใช้กับ กาแลคซี่ เอ ซีรี่ส์ เป็นครั้งแรก ซึ่งหากมีเสียงตอบรับที่ดีก็จะมีการนำไปใส่ในสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงก็เป็นได้
“ ห้าปีที่ผ่านมาคนรุ่นใหม่มีการใช้โทรศัพท์มือถือมากกว่าผู้ใหญ่ มีการแชร์ประสบการณ์ต่างๆผ่านมือถือ แต่คนกลุ่มนี้อาจจะไม่มีกำลังซื้อสูง จึงคิดว่าทำอย่างไรจะตอบโจทย์ได้ จึงมีการนำนวัตกรรมใหม่มาใช้ใน เอ ซีรี่ส์ ก่อน และวางราคาที่กลุ่มเจนซีสามารถจับต้องได้ ทั้งหมดเพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ จึงถือเป็นกลยุทธ์ใหม่ ที่จะทำให้กลุ่มเจนซีตอบรับผลิตภัณฑ์ของซัมซุงมากยิ่งขึ้น”
นายดีเจ โกห์ กล่าวอีกว่า แม้ซัมซุง กาแลคซี่ เอ ซีรี่ส์ จะมีออกสู่ตลาดจำนวนหลายรุ่น แต่ก็มีราคาที่แตกต่างกันประมาณ 50-60 ดอลล่าห์สหรัฐฯ และมีคู่แข่งในตลาดอยู่ 7 รุ่น ซึ่งพยายามทำราคาให้แข่งขันได้ เพื่อให้ผู้บริโภคหันกลับมาใช้ซัมซุงอีกครั้ง แม้ว่าที่ผ่านมาจะเสียฐานลูกค้าให้แบรนด์จากจีนไปบ้าง แต่เชื่อว่าใน 3 เดือนต่อจากนี้ ผู้ที่เคยใช้และชอบซัมซุงจะหันกลับมาใช้ซัมซุงอีกครั้งอย่างแน่นอน
ผู้บริหารระดับสูงของซัมซุง ยังแบ่งบันมุมมองในเรื่อง 5 จี ว่า ถือเป็นโอกาสทางธุรกิจ หลังจากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตลาดมือถือในระดับไฮเอ็นท์อิ่มตัว แต่ในปี 19 ที่จะเริ่มมี 5 จี ทางซัมซุงกำลังหาโอกาสทางธุรกิจ ด้วยการให้ความสำคัญกับเรื่อง 5 จี และ เทคโนโลยีเอไอ ซึ่งซัมซุงได้ลงทุนในการวิจัยและพัฒนาไปจำนวนมาก ทางซัมซุงมีศูนย์วิจัยและพัฒนา 7 แห่ง มีเทคโนโลยีและซิปเซ็ตเป็นของตนเอง มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของคนในแต่ละประเทศ
“อุตสาหกรรมสมาร์ทโฟน อีก 5 ปี ต้องมองภาพรวมในอุตสาหกรรมทั้งหมด เพราะ 10 ปี ที่ผ่านมา เป็นยุค 4 จี แอลทีอี แต่ปี19 จะเริ่มเข้าสู่ยุค 5จี ตลาดจะะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เป็นยุคที่มีความรวดเร็ว เพิ่มขึ้นถึง 20 เท่า การเล่นเกม การดูวิดีโอสตรีมมิ่งทำได้อย่างรวดเร็ว ระบบนำทางจะเป็นแบบอัตโนมัติ การสื่อสารเป็นแบบแมชชีน ทู แมชชีน สามารถสั่งงานด้วยเสียงไม่ต้องมองจอ และเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยหรือซีเคียวริตี้ก็จะมีส่วนสำคัญ ซึ่งทางซัมซุงได้เตรียมตัวมาหลายปีแล้ว และซัมซุงจะมีบทบาทเป็นผู้นำในยุค 5 จีอย่างแน่นอน ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคได้รับประสบการณ์ใหม่ๆมากขึ้น”
โดยในกลางเดือน พ.ค. ทางซัมซุงมีแผนออกสมาร์ทโฟนที่รองรับ 5 จี ในสหรัฐอเมริกา และต้นเดือน มิ.ย. ที่ยุโรป เรื่องตัวอุปกรณ์ไม่ใช่ปัญหา แต่อยู่ที่เน็ตเวิร์ค ที่สามารถพร้อมใช้งาน 5 จี เมื่อไร ซึ่งหากทุกประเทศมีความพร้อมทางซัมซุงก็พร้อมผลิตเครื่องที่รองรับ 5 จี ทันที ซึ่งในส่วนของประเทศไทยคาดว่าจะนำออกสู่ตลาดได้ในช่วงต้นปีหน้า
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเปิดตัวกาแลคซี่ เอ ซีรี่ส์ ในไทยทางซัมซุงได้มีการเปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์ล่าสุดอย่าง BLACKPINK ศิลปินเกิร์ลกรุ๊ปสุดฮอตระดับโลก พร้อมด้วย เป๊ก ผลิตโชค ศิลปินนักร้องชื่อดัง รวมถึง Lazy Loxy แรปเปอร์หนุ่มมากความสามารถของไทยด้วย