วันนี้ (9 เม.ย.) ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการกสทช. กล่าวว่า ช่วงเทศกาลสงกรานต์วันที่ 12-16 เม.ย. 2562 เป็นอีกเทศกาลหนึ่งที่มีสถิติการใช้โทรศัพท์กันมาก ประชาชนนิยมติดต่อสื่อสารและส่งข้อความอวยพรกันผ่านแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ ถือเป็นอีกหนึ่งเทศกาลที่ทุกคนในครอบครัวมารวมกัน สำนักงานกสทช. เล็งเห็นถึงความสำคัญดังกล่าว เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนผู้ใช้บริการในการติดต่อสื่อสารผ่านบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และเพื่อป้องกันมิให้คุณภาพและมาตรฐานในการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในช่วงเวลาดังกล่าวลดลง
ทั้งนี้ กสทช. จึงขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกรายให้เพิ่มขีดความสามารถและความระมัดระวังในการดูแลบำรุงรักษา ซ่อมแซม และแก้ไขปรับปรุงโครงข่ายโทรคมนาคม เครื่องโทรคมนาคมและอุปกรณ์ ที่นำมาใช้ในการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดระยะเวลาช่วงเทศกาลสงกรานต์
สำหรับแนวคิดในการจัดเก็บร
ายได้จากปริมาณข้อมูลที่นำเข้าจ
ากต่างประเทศ ตนได้ชี้แจงผ่านทวีตเตอร์ไปแล้ว
ว่าสิ่งที่กสทช.พูดถึงคือการจัด
เก็บรายได้จากกิจการโอทีที (over the top :OTT) โดยทำผ่านผู้ให้บริการ ไม่ได้พูดถึงประชาชน เมื่อมีการคาดการณ์ว่าจะมีปริมา
ณการนำเข้าข้อมูลนำเข้าข้อมูลจา
กต่างประเทศเพิ่มขึ้น 40 เท่า ถ้ามีเทคโนโลยี 5G จึงได้เสนอแนวคิดนี้ เนื่องจากที่ผ่านมากสทช.พ
ยายามลงทะเบียนผู้ให้บริการโอที
ที แต่ไม่สามารถทำได้ เพราะมีเพียงโอทีทีในไทยที่ลงทะเบียน จึงเสนอแนวคิดนี้
อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนปัจจุบันอยู่ระหว่างกา
รทำหลักเกณฑ์ ซึ่งในขั้นตอนทำร่างประกาศหลักเ
กณฑ์จะเชิญผู้ประกอบการมาร่วมแส
ดงความคิดเห็น หากประชาชนไม่เห็นด้วยกสทช.ก็ไม่
ทำ ยืนยันว่าไม่ทำให้ประชาช
นเดือดร้อน ซึ่งจุดยืนของกสทช.คือประเทศไทยไม่ได้
เห็นด้วยกับการลงทะเบียนเพราะทำ
ไม่สำเร็จ จึงเสนอแนวคิดใหม่ให้ที่ประชุมอ
าเซียน ด้วยการเก็บรายได้จากปริมาณข้อมู
ล และปีนี้ประเทศไทยจะเป็นประธานปร
ะชุมกรรมการกำกับกิจการโทรคมนาค
มในภูมิภาคอาเซียนในเดือนส.ค.2562 จึงต้องการมี
ความชัดเจนเรื่องนี้ เพราะแต่ละประเทศมีความเห็นแตกต่างกั
น อย่างสิงคโปร์ไม่เดือดร้อนเพ
ราะสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคของ
ผู้ให้บริการโซเชียลอยู่ที่สิ
งคโปร์ย่อมมีรายได้อยู่แล้ว ส่วนอินโดนีเซียอาจจะเห็นว่าควร
ทำเลยเพราะการช้าออกไปเท่ากั
บรายได้ที่ไหลออกนอกประเทศ
“ทางออกเรื่องนี้ คือ ถ้าเห็นควรทำก็ดำเนินการ ถ้าไม่เห็นควรทำก็ไม่ทำ หรือนิ่งเฉยไม่ต้องสนใจอะไร เรื่องนี้เรามีเวลาถึงปี 2563 ที่คาดว่าจะมีการใช้ 5G ทั่วโลก เราพยายามพูดว่าไม่เกี่ยวกับปร
ะชาชนแต่พูดถึงเกตเวย์ที่นำข้
อมูลเข้ามา แต่ข่าวออกไปว่าจะไปลดความเร็วใ
นการใช้งาน ซึ่งไม่ได้เป็นอย่างนั้น”