ข่าว"หัวเว่ย"วางเป้าหมายผู้ผลิตสมาร์ทโฟนใหญ่สุดของโลก - kachon.com

"หัวเว่ย"วางเป้าหมายผู้ผลิตสมาร์ทโฟนใหญ่สุดของโลก
ไอที

photodune-2043745-college-student-s

นายริชาร์ด หยู ซีอีโอของ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป ประกาศเป้าหมายกลยุทธ์ใหม่ของบริษัท ผ่านบัญชี Sina Weibo ทางการของเขาว่า หัวเว่ย จะก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ที่สุดของโลก ส่วน ออเนอร์ ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนแบรนด์ลูก จะก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่อันดับ 2 ของจีน และอันดับ 4 ของโลก


“บริษัทจะสนับสนุน ออเนอร์ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ล้ำสมัย และเดินหน้าลงทุนในนวัตกรรมเทคโนโลยี ช่องทางการจัดจำหน่าย และกลยุทธ์ค้าปลีก ขณะที่ยังคงยึดมั่นต่อกลยุทธ์แบรนด์คู่ หรือdual-brand strategy ระหว่างออเนอร์และหัวเว่ย โดยทั้งสองแบรนด์จะรักษาไว้ซึ่งวิสัยทัศน์ในการคิดไปข้างหน้า และช่วยสร้างโลกอัจฉริยะแห่งการเชื่อมต่อที่ดีกว่า ซึ่งหัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป เดินทางมาถึงบทใหม่ และ หัวเว่ยและออเนอร์จะก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ที่สุดของโลกในปีนี้” นายริชาร์ด หยู กล่าว


ทั้งนี้การประกาศเป้าหมายใหม่เหล่านี้มีขึ้นหลังจากที่บริษัทได้บรรลุเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ทั้ง 7 ประการ ซึ่งนายริชาร์ด หยู ได้ตั้งไว้เมื่อปี 2555 ได้แก่ 1. เปลี่ยนจากผู้รับจ้างผลิต ODM ที่ไม่มีแบรนด์ สู่แบรนด์ OEM อิสระ 2. ยกระดับจากเทอร์มินัลอัจฉริยะระดับล่างถึงระดับกลาง สู่ระดับบน 3. ยุติการขายโทรศัพท์ฟีเจอร์โฟนระดับล่างสุด ซึ่งมียอดขายสูงแต่ผลกำไรต่ำ 4. รวมหน่วยประมวลผลแบบสี่แกนของ HiSilicon เข้ากับชิป Balong  5. พัฒนาธุรกิจอีคอมเมิร์ซ  6. ออกแบบประสบการณ์ผู้ใช้ Emotion UI  และ 7. ก้าวขึ้นเป็นผู้เล่นอันดับต้นในอุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์โลก


ที่ผ่านมาธุรกิจผู้บริโภคของหัวเว่ยนำรายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้น 48.4% ซึ่งเหนือกว่าธุรกิจเครือข่ายโทรคมนาคมของหัวเว่ย โดยในปีที่ผ่านมา ธุรกิจผู้บริโภคของหัวเว่ยทำยอดขายได้ถึง 3.489 แสนล้านหยวน เพิ่มขึ้น 45.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี ส่งผลให้กลายเป็นธุรกิจที่ทำรายได้ให้บริษัทมากที่สุด


ขณะที่ ออเนอร์ตอกย้ำการเป็นผู้นำด้วยการเติบโตที่แข็งแกร่ง แม้อุตสาหกรรมทั่วโลกจะชะลอตัวก็ตาม ข้อมูลจาก IDC ระบุว่า การจัดส่งสมาร์ทโฟนทั่วโลกในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2561 ลดลง 3.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี แต่ออเนอร์กลับสวนกระแสดังกล่าว โดยมียอดจัดส่งเพิ่มขึ้น 27.1% นอกจากนี้ ออเนอร์ยังสามารถเพิ่มยอดขายในต่างประเทศได้มากกว่า 170% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อีกทั้งทำยอดขายออนไลน์ทั่วโลกได้สูงสุดเป็นอันดับที่ 2 ในปี 2561 ซึ่งเพิ่มขึ้น 29.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี