ข่าวสวทน.ส่งต่อ 'ฟู้ดอินโนโพลิส'ให้สวทช.ดูแล - kachon.com

สวทน.ส่งต่อ 'ฟู้ดอินโนโพลิส'ให้สวทช.ดูแล
ไอที

photodune-2043745-college-student-s
วันนี้(18 มีนาคม 2562 )  ที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอี) รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นประธานการแถลงข่าว“ส่งต่อความสำเร็จโครงการ Food Innopolis จาก สวทน. สู่ สวทช.”  ซึ่งเป็นไปตามมติ คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2561 ที่เห็นชอบในส่วนของการจัดตั้งและดำเนินการเมืองนวัตกรรมอาหาร (Food Innopolis) จากการบริหารและดำเนินการของ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) ไปเป็นการบริหารและดำเนินงานโดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)ตามภารกิจกระทรวงที่จัดตั้งขึ้นใหม่

ดร.พิเชฐ กล่าวว่า จากผลสำรวจการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาในภาคอุตสาหกรรมของปี 2561 โดย สวทน. พบว่า อุตสาหกรรมอาหาร ติด 1 ใน 3 อันดับแรกของอุตสาหกรรมที่เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญในการวิจัยและพัฒนาของภาคเอกชน โดยมีมูลค่าการลงทุนวิจัยและพัฒนา 16,203 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นจาก 15,051 ล้านบาท ในปี 2560) ส่วนมากเป็นการวิจัยและพัฒนากระบวนการผลิตด้วยระบบอัตโนมัติ การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ การศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารที่ให้ตรงตามความต้องการที่หลากหลาย และการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารใหม่

ทั้งนี้พบว่า ผู้ประกอบการอาหารในทุกระดับมีการพัฒนาผลิตอาหารใหม่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคและตอบรับกระแสความต้องการของตลาด และหลายบริษัทได้จัดตั้งศูนย์วิจัยพัฒนาและนวัตกรรม ทั้งในพื้นที่ของตนเองและในพื้นที่ที่รัฐจัดโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการวิจัยและพัฒนาให้ เช่น เมืองนวัตกรรมอาหาร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย และ อุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค

โครงการเมืองนวัตกรรมอาหาร หรือ ฟู้ดอินโนโพลิส จึงถือว่าเป็นโครงการแฟล็กชิป ที่รัฐบาลตั้งใจพัฒนาในให้เป็นอีกหนึ่งศูนย์กลางนวัตกรรมอาหารของโลก โดยดึงเอาศักยภาพและความพร้อมด้านเกษตรและอาหารมาผนวกกับข้อได้เปรียบประเทศทั้งในด้านบุคลากรวิจัยในสาขาวิชาเทคโนโลยีอาหารและการเป็นศูนย์กลางคมนาคมของกลุ่มประเทศอาเซียน  นอกจากนี้ รัฐบาลยังมุ่งหวังให้ ฟู้ดอินโนโพลิส เร่งสร้างสภาพแวดล้อมด้านนวัตกรรม ที่เอื้อต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารให้เติบโตอย่างยั่งยืนและแข่งขันได้ในเวทีโลก  โดยเฉพาะการเชื่อมโยงผู้ประกอบการอาหารของไทยในทุกระดับกับห่วงโซ่มูลค่าอาหารโลก รวมทั้งดึงดูดให้มีการลงทุนวิจัยพัฒนาของบริษัทอาหารชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ   ซึ่งจากการดำเนินงานในช่วงเกือบสองปีมานี้  ถือเป็นการเริ่มต้นได้อย่างดีมากและกำลังจะดำเนินต่อไปเข้มแข็งเพื่อให้ประเทศของเราพัฒนาไปสู่สังคมและเศรษฐกิจฐานความรู้อย่างยั่งยืนต่อไป

 ด้านดร.กิติพงค์ พร้อมวงค์ เลขาธิการ สวทน. กล่าวว่า ฟู้ดอินโนโพลิส ภายใต้การบริหารจัดการของ สวทน. มีบริษัทเอกชนทั้งไทยและต่างประเทศมาลงทุนวิจัยพัฒนาและนวัตกรรมในพื้นที่แล้ว 36 บริษัท มี เอสเอ็มอี เข้ามาทำวิจัยและนวัตกรรมในพื้นที่ศูนย์วิจัยอาหารแห่งอนาคต “Future Food Lab” 17 บริษัท และมีผู้ประกอบการกว่า 200 บริษัทเข้ามาใช้บริการศูนย์ RDI One -Stop Service ซึ่งสนับสนุนการทำวิจัยและนวัตกรรมให้มีความคล่องตัว สะดวก และรวดเร็ว รวมทั้งอยู่ระหว่างขยายการดำเนินงานไปยังส่วนกลางและส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ โดยใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานของมหาวิทยาลัย และอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค

ทั้งนี้ สวทน. ได้วางรากฐานสำคัญ 5 ด้าน ของฟู้ดอินโนโพลิส เพื่อบรรลุเป้าหมายการเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมอาหารที่สำคัญของโลก คือ มุ่งส่งเสริมบริษัทอาหารในการพัฒนาผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มสูงด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง   จัดให้มีบริการครบวงจรด้านวิจัยพัฒนาและนวัตกรรมในรูปแบบ “One-stop service” และบริการครบวงจรด้วย Service Platforms ต่างๆ ที่ได้พัฒนาขึ้นร่วมกับพันธมิตร   ส่งเสริมและเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานด้านมาตรฐาน วิเคราะห์ทดสอบ และความปลอดภัยด้านอาหาร  เชื่อมโยงหน่วยงานวิจัยและผู้ประกอบการเพื่อสร้างนวัตกรรมอาหาร       ทั้งการกระตุ้นให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยี และบ่มเพาะธุรกิจเทคโนโลยี รวมทั้งเร่งการเติบโตของสตาร์ทอัพ และ   ส่งเสริมและสนับสนุนให้บุคลากรวิจัยจากทั่วโลกมาร่วมวิจัยและพัฒนากับบริษัทและหน่วยงานในเมืองนวัตกรรมอาหาร และพัฒนาบุคลากรด้านอาหารร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการ สวทช.  กล่าวว่า   เมืองนวัตกรรมอาหารแห่งแรก ณ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย  ที่ สวทน. ดำเนินงานมาแล้วสองปีสามารถสร้างการรับรู้ถึงหน้าที่ของเมืองนวัตกรรมอาหารต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในวงกว้าง และเริ่มเป็นที่รู้จักในเวทีโลก ที่สามารถสร้างระบบนิเวศน์นวัตกรรม (innovation ecosystem) เอื้อต่อการทำวิจัยพัฒนาและนวัตกรรมของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง ซึ่ง สวทช. พร้อมจะต่อยอดและขยายผลการดำเนินงานของเมืองนวัตกรรมอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนา Service Platforms ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการ การให้บริการ One-Stop Service เชื่อมโยงบริการสนับสนุนการวิจัยพัฒนาของหน่วยงานต่าง ๆ และการให้บริการโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการทำวิจัยและพัฒนาของภาคเอกชน อีกทั้งจะพัฒนากลไกสนับสนุนและส่งเสริมผู้ประกอบการในรูปแบบอื่นเพิ่มเติมให้เกิดผลกระทบมากขึ้น เพื่อเร่งให้อุตสาหกรรมอาหารของไทยตลอดทั้งห่วงโซ่เกษตรและอาหาร สามารถพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันเพิ่มมากขึ้นและเติบโตได้อย่างยั่งยืน

นอกจากนี้จะมีการขยายเครือข่ายเมืองนวัตกรรมอาหาร ไปยังหน่วยงานที่มีศักยภาพและความพร้อมทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค  รวมถึงการทำงานร่วมกับ 4 ศูนย์เทคโนโลยีแห่งชาติของ สวทช. เพื่อให้เกิดการลงทุนวิจัยและนวัตกรรมอาหาร มีความเข้มแข็งและเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมอาหารของโลก

อย่างไรก็ดีภายในงานแถลงข่าวได้มีการ ลงนามความร่วมมือระหว่างสวทช. กับบริษัทซันกรุ๊ป และ บริษัทห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย)  เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนเมืองนวัตกรรมอาหาร โดยบริษัทซันกรุ๊ป ดำเนินธุรกิจไก่ครบวงจรทั้งไก่เนื้อและไก่ไข่   เป็นหนึ่งในบริษัทที่ตั้งอยู่ในอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทยอยู่แล้ว และเป็นสมาชิกของฟู้ดอินโนโพลิส ในนามบริษัท ซันฟีด จำกัด ตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2558 โดยที่ผ่านมามีความร่วมมือด้านการวิจัย  และได้ทำงานกับเครือข่ายเมืองนวัตกรรมอาหารมาอย่างต่อเนื่อง   ส่วนความร่วมมือกับบริษัทเซ็นทรัลแล็บฯ   เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการอาหารมีผลิตภัณฑ์ที่ผ่านมาตรฐานการตรวจวิเคราะห์อันจะนำไปสู่ความสามารถด้านการแข่งขันสินค้านวัตกรรมเพื่อการส่งออก ตลอดจนเป็นการสนับสนุนให้เกิดมาตรฐานงานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มสูงของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารที่มีคุณภาพ และความปลอดภัยต่อผู้บริโภค และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก ก่อให้เกิดความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์อาหารไทยที่ได้รับการตรวจวิเคราะห์ภายใต้มาตรฐานการส่งออกสินค้าต่อไป