'เอชพี'มุ่งเจาะตลาดเอสเอ็มอี-สตาร์ทอัพ
ไอที
Webmaster
2019-03-12 18:09:00
10
Webmaster
2019-03-12 18:09:00
10
-
สนับสนุนเนื่อหา
นายปวิณ วรพฤกษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอชพี อิงค์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทมีกลยุทธ์ในการทำธุรกิจ 3 อย่าง คือ 1.มุ่งเน้นทำตลาดในกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลาง และย่อยหรือ เอสเอ็มอี รวมถึงกลุ่มสตาร์อัพ ในด้านเฮลท์แคร์ หรือสุขภาพความงาม ,ค้าปลีก และท่องเที่ยว ฯลฯ 2.นำเสนอโซลูชั่นที่ครบวงจร ทั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องพิมพ์ รวมถึงโซลูชั่นฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ ที่ลูกค้าสามารถเช่าซื้อ และเช่าใช้ได้ ช่วยให้ลูกค้าสามารถลดต้นทุน ใช้เท่าไรจ่ายเท่านั้น และ3.มุ่งสร้างประสบการณ์ที่ดีกับลูกค้าผ่านออมนิ-ชาแนล (Omni-Channel) ให้สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้ง่ายทั้งออฟไลน์ผ่านหน้าร้านตัวแทนจำหน่าย และออนไลน์ผ่านร้านค้าของเอชพีในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ และ ช่วยให้พาร์เนอร์ของเอชพีเพิ่มร้านค้าออนไลน์ผ่านอีมาร์เก็ตเพรสต่างๆ รวมถึงให้ลูกค้าสั่งซื้อโซลูชันผ่านช่องทางออนไลน์ได้ในเร็วๆนี้
“2-3 ปีที่ผ่านมาเอชพีประสบความสำเร็จในลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ ด้วยการนำเสนอโซลูชั่นแบบเช่าซื้อและเช่าใช้ซึ่งผู้บริหารองค์กรในยุคดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นเห็นถึงข้อดีไม่ต้องลงทุนมาก ไม่ต้องมาค่อยดูแลซ่อมบำรุงเครื่องเอง ซึ่งปัจจุบัน องค์กรขนาดเล็ก หรือเอสเอ็มอีก็อยากใช้แบบนี้บ้าง ทางเอชพีจึงเตรียมนำโซลูชั่นเหล่านี้มาบริการเอสเอ็มอีด้วย นอกจากนี้ในส่วนของผลิตภัณฑ์กลุ่มคอมซูมเมอร์ หรือลูกค้าทั่วไป จะเน้นเสนอผลิตภัณฑ์ คอมพิวเตอร์พีซี และโน็ตบุ๊ค ที่จับกลุ่มเกมเมอร์และอีสปอร์ตที่มีกำลังซื้อสูงและจ่ายหนัก”
นายปวิณ กล่าวต่อว่า การที่กฎหมายใหม่ 2 ฉบับ คือ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ และ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เตรียมประกาศใช้เร็วๆนี้ เชื่อว่าจะเพิ่มโอกาสให้กับเอชพี เมื่อองค์กรต่างๆ จำเป็นต้องลงทุนเพิ่มเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าตามกฎหมายใหม่ เปลี่ยนแปลงข้อมูลจากอนาล็อคมาเป็นดิจิทัล อย่างไรก็ตาม หลังการเลือกตั้งเชื่อว่าตลาดไอทีจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนักเนื่องจากองค์กรส่วนใหญ่มีการวางแผนระยะยาวอยู่แล้ว ส่วนตลาดกลุ่มลูกค้าทั่วไปกำลังซื้อจะขึ้นลงเร็วขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งบริษัทไม่ได้รับผลกระทบเพราะเน้นจับกลุ่มเกมเมอร์มีกำลังซื้อสูงจึงมั่นใจว่าปีนี้จะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง.
“2-3 ปีที่ผ่านมาเอชพีประสบความสำเร็จในลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ ด้วยการนำเสนอโซลูชั่นแบบเช่าซื้อและเช่าใช้ซึ่งผู้บริหารองค์กรในยุคดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นเห็นถึงข้อดีไม่ต้องลงทุนมาก ไม่ต้องมาค่อยดูแลซ่อมบำรุงเครื่องเอง ซึ่งปัจจุบัน องค์กรขนาดเล็ก หรือเอสเอ็มอีก็อยากใช้แบบนี้บ้าง ทางเอชพีจึงเตรียมนำโซลูชั่นเหล่านี้มาบริการเอสเอ็มอีด้วย นอกจากนี้ในส่วนของผลิตภัณฑ์กลุ่มคอมซูมเมอร์ หรือลูกค้าทั่วไป จะเน้นเสนอผลิตภัณฑ์ คอมพิวเตอร์พีซี และโน็ตบุ๊ค ที่จับกลุ่มเกมเมอร์และอีสปอร์ตที่มีกำลังซื้อสูงและจ่ายหนัก”
นายปวิณ กล่าวต่อว่า การที่กฎหมายใหม่ 2 ฉบับ คือ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ และ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เตรียมประกาศใช้เร็วๆนี้ เชื่อว่าจะเพิ่มโอกาสให้กับเอชพี เมื่อองค์กรต่างๆ จำเป็นต้องลงทุนเพิ่มเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าตามกฎหมายใหม่ เปลี่ยนแปลงข้อมูลจากอนาล็อคมาเป็นดิจิทัล อย่างไรก็ตาม หลังการเลือกตั้งเชื่อว่าตลาดไอทีจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนักเนื่องจากองค์กรส่วนใหญ่มีการวางแผนระยะยาวอยู่แล้ว ส่วนตลาดกลุ่มลูกค้าทั่วไปกำลังซื้อจะขึ้นลงเร็วขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งบริษัทไม่ได้รับผลกระทบเพราะเน้นจับกลุ่มเกมเมอร์มีกำลังซื้อสูงจึงมั่นใจว่าปีนี้จะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง.
