ข่าวเทคโนโลยีเอไอกับการพลิกโฉมการทำไร่อ้อย - kachon.com

เทคโนโลยีเอไอกับการพลิกโฉมการทำไร่อ้อย
ไอที

photodune-2043745-college-student-s
               " อ้อย " เป็นพืชเศรษฐกิจที่ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่อันดับสองของโลก   ที่ผ่านมาด้วยผลผลิตการเกษตรอาจถดถอยและไม่แน่นอนด้วยภัยพิบัติทางธรรมชาติ
               การปรับตัวของภาคการเกษตรจึงเกิดขึ้น และมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ประโยชน์เพื่อรับมือกับธรรมชาติ  เกิดเป็น "สมาร์ทฟาร์มเมอร์"    ซึ่งไม่ได้หยุดแค่การใช้เทคโนโลยีอย่างไอโอทีหรืออินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ ที่ทำงานอัตโนมัติ หรือใช้โดรนเพื่อทดแทนแรงงานคน
                แต่วันนี้...มีการบูรณาการเทคโนโลยีระดับโลกเพื่อพลิกโฉมการพัฒนาไร่อ้อยของประเทศไทย ด้วยความร่วมมือของ 3 หน่วยงาน คือ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ(เนคเทค)   ไอบีเอ็ม  และกลุ่มมิตรผล ผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่เป็นอันดับสามของโลกและรายใหญ่ที่สุดในเอเชีย

                ในโครงการ "การพัฒนาโมเดลการจัดการเกษตรแปลงใหญ่สำหรับอ้อยโดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์"    ซึ่งจะนำร่องพัฒนาแดชบอร์ดอัจฉริยะและแอพพลิเคชันบนมือถือ  เพื่อช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสุขภาพของอ้อย  ความชื้นของดิน ความเสี่ยงที่จะถูกโจมตีจากโรคและศัตรูพืช การคาดการณ์ผลผลิต และดัชนีค่าคุณภาพความหวานของอ้อย (ซีซีเอส) 
                ทั้งนี้ปัจจุบันนักวิจัยไอบีเอ็มกำลังพัฒนา “อโกรโนมิคอินไซต์แอสซิสแทนท์” (Agronomic Insights Assistant) ซึ่งใช้แพลตฟอร์มไอบีเอ็มวัตสันดีซิชันสำหรับการเกษตร  (IBM Watson Decision Platform for Agriculture) ร่วมกับระบบไอบีเอ็มแพร์สจีโอสโคป (IBM PAIRS Geoscope) ซึ่งเป็นการผสานรวมข้อมูลความสัมพันธ์เชิงเวลาและพื้นที่  เช่น ภาพถ่ายพืชผลจากกล้องหลายช่วงคลื่นที่เก็บภาพมาจากดาวเทียมหลายตัว ข้อมูลดิน ข้อมูลแบบจำลองความสูงของภูมิประเทศในรูปแบบดิจิทัล   ร่วมกับข้อมูลทางการเกษตร  เช่น สุขภาพของอ้อย ระดับความชื้นของดิน พยากรณ์ความเสี่ยงโรคและศัตรูพืช ปริมาณผลผลิต และดัชนีค่าคุณภาพความหวานของอ้อย  โดยใช้โมเดลการพยากรณ์ที่แม่นยำจากเดอะเวเธอร์คอมแพนี
                จากนั้นจึงนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ร่วมกับเทคโนโลยีการสำรวจเฉพาะพื้นที่ที่ได้รับการปรับและพัฒนาให้เหมาะกับการทำไร่อ้อยในประเทศไทยโดยเนคเทค-สวทช.   และความรู้เฉพาะทางด้านการเกษตรจากกลุ่มมิตรผล   เพื่อกลั่นกรองเป็นข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับภาวะการขาดน้ำและอาหารที่ส่งผลต่อการเติบโตของอ้อย ความเสี่ยงของโรคและศัตรูพืช ตลอดจนปริมาณผลผลิตทางการเกษตรและดัชนีคุณภาพของอ้อย


 
               เบื้องต้นจะมีการทดสอบใช้งานกับพื้นที่การปลูกอ้อยของกลุ่มมิตรผลจำนวน 3 แปลงพื้นที่รวมประมาณ 2,000 ไร่ ในจังหวัดสุพรรณบุรีและชัยภูมิ  คาดว่าภายใน 2 ปี เมื่อโครงการเสร็จสมบูรณ์  จะทำให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงข้อมูลที่จะช่วยประเมินและจัดการความเสี่ยงต่างๆ ได้ตั้งแต่เริ่มต้น  รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต 
                และด้วยข้อมูลเชิงลึกที่สามารถพยากรณ์ล่วงหน้าได้สูงสุดสองสัปดาห์   ร่วมกับการแจ้งเตือนเกี่ยวกับโรคและศัตรูพืชอย่างหนอนเจาะลำต้นข้าวและความเสี่ยงที่จะเกิดโรคใบขาว และการพยากรณ์อากาศระยะสั้นตามฤดูกาลแบบเจาะจงพื้นที่    จะทำให้เกษตรกรสามารถวางแผนการเพาะปลูกได้อย่างเจาะจง ไม่ว่าจะเป็นการทดน้ำและระบายน้ำ การใส่ปุ๋ย และการกำจัดศัตรูพืช เพื่อรับมือกับภัยคุกคามที่อาจนำไปสู่การสูญเสียผลผลิตได้
                "รศ.ดร.กล้าณรงค์ ศรีรอต"  Head of Innovation and Research Development Institute กลุ่มมิตรผล บอกว่า กลุ่มมิตรผลให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนนวัตกรรมและการวิจัยอย่างต่อเนื่อง รวมถึงนำมาปรับใช้  เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับผลผลิตอ้อยทั้งในด้านของคุณภาพและปริมาณ 
                การร่วมมือกับสวทช. รวมถึงการนำเทคโนโลยีเอไอ การสำรวจระยะไกลผ่านดาวเทียม และระบบพยากรณ์อากาศขั้นสูงของไอบีเอ็มมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำไร่อ้อย จะเป็นก้าวที่สำคัญในการทำเกษตรแม่นยำ (Precision Farming) ซึ่งอยู่ภายใต้แผนการปรับเปลี่ยนให้เกษตรกรไทยก้าวสู่การทำเกษตรสมัยใหม่ หรือ Modern Farming   ได้รวดเร็วขึ้น ทั้งยังสร้างประโยชน์ให้กับภาคเกษตรกรรมของไทยอย่างยั่งยืน

                  "นางสาวปฐมา จันทรักษ์" รองประธานด้านการขยายธุรกิจในกลุ่มประเทศอินโดจีน และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด บอกว่า  การผนึกจุดแข็งของสวทช. และไอบีเอ็มในด้านการวิจัยและเทคโนโลยีขั้นสูงที่ใช้บิ๊กดาต้า อนาไลติกส์ เอไอ และอินเทอร์เน็ตอ็อฟธิงส์ เข้ากับความรู้เชิงลึกด้านการเกษตรของกลุ่มมิตรผล เป็นการพลิกโฉมแนวปฏิบัติของหนึ่งในอุตสาหกรรมที่เก่าแก่ที่สุด และแสดงให้เห็นถึงก้าวย่างใหม่ของเกษตรกรรมอัจฉริยะในประเทศไทย
                 ด้าน "ดร.ชัย   วุฒิวัฒน์ชัย"  ผุู้อำนวยการเนคเทค บอกว่า เนคเทคทำเอไอมากว่า20 ปี แต่ยังมีโอกาสน้อยมากที่จะเข้าไปถึงระดับผู้ใช้งาน   ความร่วมมือนี้ ถือว่าเป็นความสมบูรณ์แบบเมื่อมีอุตสาหกรรมด้านการเกษตรขนาดใหญ่อย่างมิตรผลที่ทำเรื่องอ้อยมากว่า 60 ปี  มีไอบีเอ็มที่เชี่ยวชาญเทคโนโลยีระดับโลก   รวมถึงเนคเทค หน่วยงานวิจัยของภาครัฐ  ซึ่งปัจจุบันพัฒนาโครงการอะกรีแมพ ร่วมกับหน่วยงานด้านการเกษตรของประเทศไทย
                " 3 ศูนย์ข้อมูลจาก 3 หน่วยงาน"  เมื่อนำมารวมกัน ก็สามารถทำให้ทุกอย่างเป็นไปได้  และมีโอกาสที่จะทำให้เกิด "สมาร์ทฟาร์มเมอร์" อย่างแท้จริง