บอร์ดกสทช.ผ่านเรียกคืนคลื่น2600 เมกะเฮิร์ตซ มาเปิดประมูล
ไอที
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กล่าวภายหลังประชุมบอร์ดว่า บอร์ดเห็นชอบการเรียกคืนคลื่นความถี่ย่าน 2600 เมกะเฮิร์ตซ รวม 190 เมกะเฮิร์ตซ จากบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) จำนวน 154 เมกะเฮิร์ตซ กรมการทหารสื่อสาร กองทัพบก และกรมการสื่อสารทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย รวม 2 หน่วยงานอีก 12 เมกะเฮิร์ตซ ที่เหลือเป็นคลื่นว่างที่ไม่มีการใช้งาน เพื่อนำมาจัดสรรใหม่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากล เพื่อให้เกิดประโยชน์ยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ กสทช. ได้กำหนดวันสิ้นสุดการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เป็น 45 วันนับจากวันที่ กสทช. มีมติให้เรียกคืนคลื่นความถี่ พร้อมทั้งกำหนดเงื่อนไขการยุติการใช้คลื่นความถี่ที่เรียกคืน โดยในระหว่างดำเนินการให้สามารถใช้คลื่นความถี่ที่เรียกคืนดังกล่าวไปพลางก่อนได้เป็นระยะเวลาไม่เกิน 120 วันนับจากที่ กสทช. มีมติให้เรียกคืนคลื่นความถี่
และมีมติอนุมัติสำรองค่าใช้จ่ายจากเงินงบประมาณรายจ่าย รายการเงินงบกลางของสำนักงาน กสทช. ประจำปี พ.ศ. 2562 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจ้างที่ปรึกษาเพื่อประเมินมูลค่าการเรียกคืนคลื่นความถี่ และการทดแทน ชดใช้ หรือจ่ายค่าตอบแทนสำหรับผู้ที่ถูกเรียกคืนคลื่นความถี่ย่าน 2500-2690 เมกะเฮิรตซ์ การประเมินมูลค่าคลื่นความถี่ในการนำมาใช้ในกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากลในย่านความถี่ดังกล่าว จำนวน 3 ชุด รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 7,500,000 บาท และเมื่อมีการประมูลคลื่นความถี่ 2500-2690 เมกะเฮิรตซ์ เสร็จสิ้นแล้ว ให้ดำเนินการหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจ้างที่ปรึกษาดังกล่าวจากเงินรายได้ที่ได้รับจากการประมูล
นอกจากนั้น ที่ประชุมยังเห็นชอบกรอบระยะเวลาดำเนินการและกรอบวงเงินงบประมาณการดำเนินโครงการจัดตั้งศูนย์ทดลองทดสอบ 5จี ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จำนวน 68,000,000 บาท เพื่อเป็นการนำร่องในการทดลองทดสอบใช้เทคโนโลยี 5จี โดยจัดตั้งศูนย์ทดลองทดสอบและติดตั้งโครงข่าย 5จี บนพื้นที่ครอบคลุมพื้นที่ภายในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยทั้งหมด ซึ่งรวมถึงสยามสแควร์ และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ด้วย โดยเป็นการขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุน กทปส. ซึ่งเรื่องนี้จะส่งให้บอร์ดกองทุน กทปส. จะพิจารณาเรื่องนี้ต่อไป
"อีกทั้งยังมีมติเห็นชอบให้เรียกเก็บเงินรายได้ขั้นต่ำจากการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่บนคลื่นความถี่ย่าน 1800 เมกะเฮิร์ตซ และ 850 เมกะเฮิร์ตซ ในช่วงระยะเวลาคุ้มครองตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย.2561 จนถึงวันที่ 15 ธ.ค. 2561 ของบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค ตามจำนวนเงินที่บริษัทฯ รายงานในรายการคำนวณค่าธรรมเนียมใบอนุญาตเป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้น 603,806,875 บาท โดยแบ่งเป็นเงินรายได้ในช่วงระยะเวลา 16 ก.ย.2561-31 ต.ค. 2561 เป็นเงิน 329,659,607 บาท และเป็นเงินรายได้ช่วง 1 พ.ย. 2561-15 ธ.ค. 2561 เป็นเงิน 274,174,268 บาท"
นายฐากร กล่าวว่า ที่ประชุมยังได้เห็นชอบแนวทางในการนำค่าใช้จ่าย ในส่วนของค่าเช่าท่อร้อยสายใต้ดิน และค่าดำเนินการนำสายสื่อสารลงดิน มาหักลดหย่อนจากรายได้ที่ต้องจัดสรรเพื่อนำไปใช้ในการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึง และบริการเพื่อสังคม (USO) (กรณีค่าใช้จ่ายในการนำสายสื่อสารลงดิน) ได้โดยแต่ละบริษัทสามารถหักลดหย่อนได้ไม่เกิน 200 ล้านบาท ต่อปี ต่อหนึ่งบริษัท และการหักลดหย่อนดังกล่าวต้องดำเนินการตามประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการจัดเก็บรายได้เพื่อนำไปใช้ในการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม ทั้งนี้เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ผู้ประกอบกิจการสื่อสารนำสายลงดินและจัดระเบียบสายสื่อสารตามนโยบายรัฐบาล