สกว.เปิดเวทีโชว์เทคโนโลยีช่วยแก้ปัญหาฝุ่นพีเอ็ม2.5
ไอที
ผศ. ดร.สรรเพชญ ชื้อนิธิไพศาล จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงแนวทางการตรวจสอบแหล่งที่มาของฝุ่นละอองว่า จากประสบการณ์การทำงานท่ามกลางหมอกควันในภาคเหนือในปี 2559 จุดประกายให้ตนพัฒนาเซ็นเซอร์ตรวจวัดสภาพความรุนแรงของปัญหาหมอกควันให้กับคนในพื้นที่ ในฐานะที่เป็นนักวิจัยด้านวิศวกรรม โดยมีเป้าหมายติดตั้งให้ได้ครบทุกตำบลในจังหวัดน่านให้ทันภายในต้นปี 2560 เพราะปัญหาไฟป่าจะเกิดในช่วงต้นปี เพื่อเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์หมอกควันและไฟป่าในจังหวัดน่าน โดยส่งข้อมูลทุก 5 นาทีมาที่ระบบคลาวด์ทำให้ประเมินสถานการณ์ได้ตลอดเวลา ปัจจุบันทางจังหวัดได้มีการใช้ข้อมูลจากเครือข่ายเซนเซอร์ดังกล่าวในการมอนิเตอร์สถานการณ์ ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายแทนการใช้เฮลิคอปเตอร์ในการบินสำรวจเหมือนในอดีต
สำหรับภาพรวมเทคโนโลยีที่ใช้ในการลดฝุ่นละอองที่แหล่งกำเนิด การดักจับและการกำจัดฝุ่นละอองในภาคอุตสาหกรรม ขนส่ง ครัวเรือนและพื้นที่สาธารณะนั้น
ศ.กิตติคุณ ราชบัณฑิต ดร.วิวัฒน์ ตัณฑะพานิชกุล กล่าวว่า การทำงานวิจัยด้านฝุ่นในช่วงแรกนั้นปัญหามลภาวะอากาศยังไม่ค่อยเป็นที่สนใจมากนัก งานวิจัยส่วนใหญ่จึงมุ่งไปที่ PM10 เป็นหลัก แต่ในปัจจุบันฝุ่นละอองมีขนาดเล็ก PM 2.5 ส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศและสุขภาพมากขึ้น ทั้งนี้ฝุ่นมีหลากหลายรูปแบบจากแหล่งต่าง ๆ ปัจจุบันยังไม่มีเครื่องกำจัดฝุ่นชนิดใดที่เหมาะสำหรับใช้กำจัดฝุ่นทุกประเภทในเครื่องเดียว ดังนั้นควรเลือกใช้ให้เหมาะสม และประสิทธิภาพของตัวกรองจะขึ้นอยู่กับขนาดของเส้นใย ซึ่งเส้นใยที่ละเอียดมากขึ้นจะสามารถจับอนุภาคขนาดเล็กได้มากขึ้นด้วย
ผศ. ดร.ยศพงษ์ ลออนวล จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย กล่าวว่า จากมาตรฐานการปล่อยมลพิษของยานยนต์ในประเทศไทย ปัจจุบันที่รถยนต์ส่วนบุคคลยังใช้มาตรฐานยูโร 4 แต่ในยุโรปหรือสากลใช้ยูโร 6 ส่วนรถกระบะและรถบรรทุกไทยยังใช้มาตรฐานแค่ยูโร 3 ทำให้การปล่อยมลพิษยังมีปัญหาอยู่มาก ปัจจุบันทีมวิจัยได้มีการทดสอบประสิทธิภาพการเดินรถโดยสารไฟฟ้า โดยใช้เส้นทางของ ขสมก.พบว่า รถเมล์โดยสารที่วิ่งให้บริการในกรุงเทพ ฯ ตั้งแต่วันจันทร์-ศุกร์ สามารถวิ่งได้เฉลี่ยประมาณ 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น เนื่องจากการจราจรหนาแน่นมาก โดยเฉพาะในช่วงเช้าซึ่งถือว่าสิ้นเปลืองพลังงานอย่างมาก
ทั้งนี้ได้เสนอมาตรการในการแก้ปัญหามลพิษจากยานยนต์ด้วยการใช้เทคโนโลยียานยนต์และเชื้อเพลิงที่สะอาด ซึ่งควรผลักดันให้เกิดการปรับมาตรฐานของยานยนต์ในไปสู่ยูโร 6 อย่างเร็วที่สุดหรือภายในปี 2566 ซึ่งหากใช้กับรถใหม่ในประเทศปีละ 1 ล้านคันจะช่วยลดมลพิษลงได้มากถึงครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับรถยนต์ยูโร 3 และ 4 ในปัจจุบัน ควรมีการส่งเสริมการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพและยานยนต์สะอาด มีมาตรการจัดการรถเก่าและการดูแลเครื่องยนต์ที่เหมาะสม รวมถึงมาตรการลดระยะการเดินทางจากการใช้รถยนต์ เช่น ส่งเสริมการใช้จักรยาน และให้ลูกหลานไปโรงเรียนพร้อมกัน
ด้านดร.อดิศร์ อิศรางกูร ณ อยุธยา กล่าวถึงแนวคิดและแนวทางทางเศรษฐศาสตร์ในการแก้ปัญหาเรื่องฝุ่นว่า คนที่รายได้ปานกลางถึงสูง ควรมีมาตรการจ่ายภาษีตามค่าฝุ่นจากเครื่องยนต์ เช่น ภาษีประจำปีรถยนต์ตามการปล่อยมลพิษ ภาษีน้ำมันตามค่าการปล่อยมลพิษ รถที่ปล่อยควันพิษออกมามากควรที่จะต้องจ่ายแพงขึ้น ทั้งรถยนต์ส่วนบุคคลและรถของหน่วยงานราชการ ขณะที่ภาษีน้ำมันจะต้องหลีกเลี่ยงน้ำมันที่สกปรก มีการออกแบบจูงใจให้คนหันไปใช้พลังงานสะอาด ใช้รถพลังงานสะอาด รวมถึงคิดค่าเข้าเมือง เพื่อลดปริมาณรถที่เข้าเขตเมืองได้ ส่วนฝุ่นจากภาคเกษตรนั้นควรมีการรับรองที่มาของวัตถุดิบทางการเกษตร ปฏิเสธการรับซื้อจากผู้ประกอบการที่ปลูกข้าวโพดในเขตป่าสงวน หรือผลิตอ้อยจากไร่ที่มีการเผา สำหรับผู้มีรายได้น้อยควรมีการช่วยเหลือสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีในการลดมลพิษที่จะเกิดขึ้นเช่น เงินกู้ซื้อรถตัดอ้อยดอกเบี้ยต่ำ และระบบการจัดการของเหลือใช้ มีมาตรการจูงใจให้เกิดการนำของเหลือทิ้งจากภาคเกษตรมาผลิตพลังงานไฟฟ้ามากขึ้น
อย่างไรก็ดีภายในงานได้มีนำผลงานวิจัยซึ่งเป็นเทคโนโลยีในการตรวจวัดและแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5มาจัดแสดง โดยไฮไลท์ คือ อุปกรณ์ตรวจวัดฝุ่น PM2.5 และ AQI ขนาดเล็กและแบบพกพา ผลงานประดิษฐ์ล่าสุดของ ดร.อดิสร เตือนตรานนท์ จากศูนย์เทคโนโลยีเพื่อความมั่นคงของประเทศและการประยุกต์เชิงพาณิชย์ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ซึ่งเหมาะสำหรับให้ประชาชนใช้งานตรวจวัดคุณภาพอากาศ ณจุดที่อยู่ได้ด้วยตนเองแบบเรียลไทม์
ดร.อดิสร เปิดเผยว่า จากการสนับสนุนของสกว. ได้มีการพัฒนาอุปกรณ์ตรวจวัดฝุ่น PM2.5 แบบพกพาขึ้นเรียกว่า มายแอร์ โดยเป็นเซ็นเซอร์ขนาดเล็กสำหรับตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบง่าย ๆ เหมาะสำหรับเด็ก ๆ ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงและอนาคตอาจต้องเจอกับปัญหาฝุ่นนี้ทุกปี โดยมายแอร์สามารถแจ้งเตือนผ่านสีบนอุปกรณ์ ซึ่งจะรู้ได้ว่าจุดที่เด็ก ๆ ต้องเดินทางผ่านในขณะนั้น มีคุณภาพอากาศเป็นอย่างไร ควรใส่หน้ากากอนามัยเมื่อใด และสามารถแสดงผลผ่านแอพพลิเคชั่นบนมือถือซึ่งแสดงค่าพีเอ็ม 2.5 และค่า AQI ได้อีกด้วย
อุปกรณ์ดังกล่าวใช้เซ็นเซอร์ขนาดเล็ก ที่มีความแม่นยำใกล้เคียงกับอุปกรณ์มาตรฐานขนาดใหญ่ และให้ข้อมูลที่ใกล้เคียงความเป็นจริง ดีกว่าดูจากแอพพลิเคชั่น ซึ่งต้องดึงจากสถานีตรวจวัด ซึ่งอาจอยู่ไกลจากจุดที่ผู้ใช้งานอยู่ในขณะนั้น สามารถนำไปปรับใช้ในรูปแบบต่าง ๆ เช่นเข็มกลัด นาฬิกาหรือเครื่องประดับได้
นอกจากนี้ทีมวิจัยยังมีการพัฒนาอุปกรณ์ตรวจวัดคุณภาพอากาศหรือ “แอร์เซ็นส์” ซึ่งมีขนาดเล็ก แต่สามารถวัดปริมาณผุ่น และแก็สพิษต่าง ๆ ที่มีผลต่อการวัดคุณภาพอากาศตามมาตรฐานได้ เหมาะสำหรับการติดตั้งตามอาคารบ้านเรือน หรือในโรงเรียนต่าง ๆ โดยจะเก็บข้อมูลและแสดงผลผ่านเว็บไซต์หรือบนมือถือได้แบบเรียลไทม์อีกด้วย
และยังมีงานวิจัยการออกแบบโครงสร้างน้ำหนักเบาสำหรับรถโดยสารไมโครบัสไฟฟ้าในประเทศไทยด้วยวัสดุคอมโพสิท ของ ผศ. ดร.ยศพงษ์ ลออนวล ซึ่งได้ออกแบบโครงสร้างรถสำหรับระยะการขับขี่ 300 กิโลเมตร รวมถึงการวิจัยผลกระทบของเชื้อเพลิงชีวภาพต่อจลศาสตร์เคมีในโครงสร้างระดับนาโนของมลพิษอนุภาคเขม่าและกลไกการสึกหรอของเครื่องยนต์ของผศ. ดร.ปรีชา การินทร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ซึ่งระบุว่าเครื่องยนต์ดีเซลจะปล่อยมลพิษอนุภาคเขม่าจากการเผาไหม้ในปริมาณที่สูง และอาจเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดมะเร็งในปอดของผู้ที่อาศัยในเมืองใหญ่ อุปกรณ์กรองมลพิษอนุภาคเขม่าดีเซลหรือ DPF เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีหลังการเผาไหม้ที่ถูกออกแบบให้สามารถดักและสลายมลพิษอนุภาคเขม่าได้โดยอัตโนมัติ ควบคู่กับระบบควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีแผนจะนำมาใช้ในประเทศไทยในอนาคตอันใกล้