เอ็นไอเอหนุนผลิตพลาสติกชีวภาพทางการแพทย์ลดการนำเข้า
ไอที

“ทั้งนี้ จากความสำเร็จที่เกิดขึ้น ทำให้ขณะนี้สามารถผลิตเม็ดพลาสติกชีวภาพประเภทพอลิเอสเทอร์เกรดทางการแพทย์ ตัวอย่างเช่น พอลิแอล-แลคไทด์ (พีแอลแอล) พอลิแอล-แลคไทด์-โค-คาโปรแลคโทน (พีแอลซี) พอลิแอล-แลคไทด์-โค-ไกลคอไลด์ (พีแอลจี) จำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 78,000-90,000 บาท ซึ่งถูกกว่าสั่งซื้อจากต่างประเทศที่มีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 120,000-200,000 บาท โดยเม็ดพลาสติกเกรดการแพทย์นี้สามารถนำไปใช้เป็นวัตถุดิบตั้งต้นสำหรับผลิตวัสดุทางการแพทย์ที่ย่อยสลายได้ในร่างกายมนุษย์ เช่น ไหมเย็บแผลที่ละลายได้ ท่อนำเส้นประสาท ตัวควบคุมการปลดปล่อยตัวยาภายในร่างกาย และ เครื่องมือแพทย์ เช่น วัสดุทางทันตกรรม สกรูและแผ่นดาม ฯลฯ ดังนั้น จึงเป็นการพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์ที่ช่วยทดแทนการนำเข้า และการสร้างผลิตภัณฑ์ชนิดใหม่ที่น่าภาคภูมิใจ ตลอดจนเป็นการสร้างความร่วมมือในรูปแบบพหุภาคี ที่จะเป็นแนวทางผลักดันให้อุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพเติบโตได้อย่างยั่งยืนในอนาคต”
อย่างไรก็ดี ความร่วมมือที่เกิดขึ้นนับเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินงานของศูนย์สร้างสรรค์ธุรกิจนวัตกรรมการเกษตร หรือ ABC Center ของ NIA ที่กำหนดให้ธุรกิจไบโอรีไฟเนอรี่ เป็นหนึ่งในสาขาสำคัญด้านเทคโนโลยีเชิงลึกหรือ Deep Tech ที่มุ่งเพิ่มมูลค่าให้กับวัตถุดิบทางการเกษตรและการสร้างอุตสาหกรรมสาขาใหม่ๆตามแผนพัฒนาประเทศไทย 4.0 รวมถึงสอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาย่านนวัตกรรมการแพทย์โยธีที่มุ่งให้เกิดบริการ และผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของการดำเนินงานในแบบบูรณาการเพื่อเสริมสร้างศักยภาพให้กับผู้ประกอบการนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์และเกษตรไทย ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นเครื่องมือที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจนวัตกรรมได้อย่างมีนัยสำคัญ