วอนรัฐสร้างนโยบายออกกม.ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน
ไอที
นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี บล็อกเชน( Blockchain ) และ บิทคอยน์( Bitcoin) หนึ่งในผู้ก่อตั้งเว็บเทรด Bitkub และ Group CEO ของ Bitkub Capital Group Holdings Co.,Ltd. ที่สร้างแพลตฟอร์ม ลักษณะ Transaction Network ให้คนสามารถแลกเปลี่ยนทุก ๆ อย่างที่เป็นมูลค่าได้ ปัจจุบัน bitkub.com เข้าร่วมกับโครงการดีแทค แอคเซอเลอเรท ปี 6 ในกลุ่ม Global Expansion Track ที่เป็นสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพในการเติบโตต่อไปในอนาคต และปัจจุบันBitkub.com ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจการเป็นศูนย์ซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีและศูนย์ซื้อขายโทเคนดิจิทัลจากกระทรวงการคลัง โดยความเห็นชอบของสำนักงาน ก.ล.ต.แล้ว
นายจิรายุส กล่าวว่า บล็อกเชนได้เข้ามามีบทบาทกับทุกๆ ภาคส่วน เนื่องมาจากความก้าวล้ำทางเทคโนโลยี และการทลายทุกกำแพงที่ขวางกั้นเอาไว้ ในที่สุดแล้ว เทคโนโลยี บล็อกเชนจึงก้าวเข้ามามีบทบาทที่สำคัญมากในระบบเศรษฐกิจของโลกใบนี้ อย่างไรก็ตามมการที่จะทำให้เทคโนโลยี บล็อกเชน นั้นสามารถแสดงประสิทธิภาพออกมาได้อย่างเต็มที่ รัฐบาลจะต้องเป็นฝ่ายอนุมัติ และเป็นผู้นำการศึกษาถึงขอบเขต และความสามารถของเทคโนโลยีนี้ รวมไปถึงจะต้องให้ความร่วมมือกับทั้งภาครัฐและเอกชนในการที่จะสร้างนโยบายและกฏหมายต่างๆ เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติในการที่จะใช้เทคโนโลยี บล็อกเชน เพื่อนำไปสู่เป้าหมายของแต่ละองค์กร
“บล็อกเชนนั้นทำอะไรหลายอย่างได้มากกว่า บิทคอยและการทำธุรกรรมทั่วไป ด้วยความสามารถที่เข้าถึงแพลตฟอร์มดิจิทัลต่างๆ ได้ ความสามารถในการเก็บข้อมูลติดต่อ รวมไปถึงข้อมูลต่างๆ ได้โดยไม่มีการแปรรูป ทำให้ บล็อกเชน นั้นสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ด้วยการลดค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรมต่างๆ ลดปริมาณการทุจริต และสร้างรายได้จากผลประกอบการที่มากขึ้น อีกทั้งยังกระตุ้นให้ผู้คนมากมายได้รับในสิ่งที่พวกเขาควรจะได้รับ ยกตัวอย่างเช่น บล็อกเชน ได้เข้าไปมีบทบาทในอุตสาหกรรมการเกษตรด้วยการช่วยเหลือเกษตรกรรมที่นับได้ว่าเป็นผู้ที่อยู่ตอนปลายสุดของห่วงโซ่อุปทานให้ได้รับผลตอบแทนจากผลิตภัณฑ์ของพวกเขาอย่างยุติธรรม” นายจิรายุส กล่าว
นอกจากนี้การให้บริการทางด้านการเงินผ่านทางโทรศัพท์มือถือก็ได้มีส่วนช่วยให้ผู้คนจำนวนมากมายมีฐานะที่ดีมากขึ้นในหลายประเทศที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มกำลังพัฒนา รวมไปถึงว่าเทคโนโลยี บล็อกเชน ยังมีโอกาสที่จะขยายขอบเขตออกไปได้ทั้งอุตสาหกรรมสุขภาพในด้านการส่งต่อข้อมูล การเชื่อมต่อห่วงโซ่อุปทานต่างๆ เข้าด้วยกัน หรืออุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ การยืนยันตัวตนรูปแบบดิจิทัล ไปจนถึงการกระจายอำนาจของอุตสาหกรรมพลังงาน แต่สิ่งที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงมากที่สุดน่าจะเป็นการที่เทคโนโลยี บล็อกเชนสามารถตรวจสอบหน่วยงานรัฐบาลให้มีความโปร่งใส เกิดการทุจริตต่างๆ น้อยลง สิ่งเหล่านี้คือกรณีศึกษาของการนำเทคโนโลยี บล็อกเชนเข้ามาใช้.