''มาสด้า''ทุบทุกสถิติยอดขายทะลุ 7 หมื่นคัน
ไอที
นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย เปิดเผยผลสำเร็จในการดำเนินธุรกิจ ปี261 ยอดขายรถยนต์ทะลุ 7 หมื่นคัน เติบโตขึ้น 37 % โดยเฉพาะมาสด้า 2 ที่ขึ้นแท่นครองอันดับหนึ่ง ตลาดรถเก๋งเล็ก ด้วยยอดขายสูงถึง 45,972 คัน เพิ่มขึ้น 45 % รถเอนกประสงค์ CX-5 8,184 คัน บีที-50 โปร มียอดขาย 7,498 คัน เพิ่มขึ้น 26 %
''ปีที่ผ่านมา นับเป็นปีแห่งการวัดคุณภาพและฝีมือของคนยานยนต์ เนื่องจากมีการแข่งขันทางการตลาดที่สูงมาก โดยมาสด้า ทำยอดขายทาะลุ 7 หมื่นคัน ส่งผลให้มาสด้าสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 6.7 % ซึ่งถือเป็นส่วนแบ่งการตลาดที่สูงที่สุดของมาสด้าทั่วโลก '' นายชาญชัย กล่าว
สำหรับแผนการพัฒนาธุรกิจของมาสด้าในปี 2562 ประธานบริหาร มาสด้า เซลล์ ประเทศไทย บอกว่า มีการคาดการณ์ว่าตลาดรถยนต์จะทรงตัว หรือเติบโตเพียงเล็กน้อย โดยมีการประมาณตัวเลขอยู่ที่ 1.03-1.06 ล้านคัน ตั้งเป้ายอดขายปี 2562 เพิ่มสูงขึ้นมากกว่า 75,000 คัน หรือเติบโต 5-10 % ส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่า 6.7 % เน้นการบริการลูกค้าทั้งก่อนและหลังการขาย เตรียมแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่เข้าสู่ตลาดมากถึง 6 รุ่น นำทีมโดย Mazda 3,CX-8 มาพร้อมเครื่องยนต์เทคโนโลยี Skyactiv-X .ที่ผสมผสานคุณลักษณะเด่นของเครื่องยนต์เบนซิน และดีเซลล์รวมไว้ด้วยกัน
ด้านมร. อัตสึชิ ยาซูโมโต้ รองประธานบริหารอาวุโส กล่าวว่า ประเทศไทยถือเป็นตลาดหลักที่สำคัญของมาสด้า ด้วยยอดขายอันดับ 1 ในภูมิภาคอาเซียน สูงสุดติดกันมาอย่างต่อเนื่องมากกว่า 10 ปี ที่สำคัญ มาสด้า มอเตอร์ ยังคงให้การสนับสนุน มาสด้า ประเทศไทย อย่างต่อเนื่องในทุกด้าน ทั้งการลงทุนและเทคโนโลยี
ในปีนี้มาสด้ากำลังจะก้าวไปสู่รถยนต์ในเจเนอเรชั่นที่ 7 และการมาของเครื่องยนต์ใหม่ล่าสุด SKYACTIV-X ซึ่งเป็นการผสมผสานคุณลักษณะเด่นของเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลรวมไว้ด้วยกัน เทคโนโลยีทางด้านรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ EV โดยเครื่องยนต์ SKYACTIV-X นั้นเราได้ผนวกเทคโนโลยีไฟฟ้าเข้ามาด้วย ซึ่งในส่วนนี้เราได้คิดตั้งแต่เริ่มกระบวนการพัฒนา หรือ Well-to-Wheel ควบคู่ไปกับการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ผ่านกระบวนการทำงานของรถยนต์ทั้งคัน เพราะมาสด้าได้เล็งเห็นปัญหาในเรื่องของภาวะโลกร้อน จึงเป็นที่มาของนโยบาย Sustainable Zoom-Zoom 2030 เพื่อให้โลกยังคงสวยงาม เพื่อผู้คน และสังคมของเรา มีความงดงามและใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข
ขณะที่นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารฝ่ายการตลาดและรัฐกิจสัมพันธ์ กล่าวเสริมว่า การสื่อสารถือเป็นหัวใจหลักสำคัญ จำเป็นต้องพัฒนาการสื่อสารให้ครบทุกช่องทาง โดยเฉพาะออนไลน์ให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น เริ่มจากการกำหนดสไตล์ของแบรนด์ หรือ Mazda Brand Style เพื่อให้เกิดการจดจำและสร้างการรับรู้ของแบรนด์ ซึ่งจะเป็นสิ่งที่มาสด้าต้องถ่ายทอดและให้ลูกค้าเห็นได้ในทุกๆ ที่ และสิ่งนี้ยังเป็นการปูทางไปสู่การมาของรถยนต์มาสด้าเจนเนอเรชั่นที่ 7 โดยเราได้ปรับเปลี่ยนทั้งในส่วนของโลโก้ รูปแบบตัวอักษรทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ รวมทั้งการวางองค์ประกอบของภาพถ่าย และพื้นที่ในการจัดแสดงรถทั้งภายในโชว์รูมและกิจกรรมส่งเสริมการตลาด
นอกจากนี้ มาสด้าจะทำการปรับปรุงเว็บไซต์ใหม่ซึ่งจะเผยโฉมให้ได้เห็นในเร็วๆ นี้ โดยเว็บไซต์ใหม่นั้นจะมีความเป็นมิตรกับผู้ใช้มากยิ่งขึ้น เสมือนเป็นหน้าต่างที่ให้ผู้ใช้เข้าสู่โลกของมาสด้าอย่างแท้จริง เป็นการร้อยเรื่องราวของแต่ละส่วนให้มีความ smooth น่าใช้งานมากยิ่งขึ้น