เผยผลสอบจัดหาธีออส-2ยังไม่พบหลักฐานชี้ชัดว่าทุจริต
ไอที

ดร.สุวิทย์ กล่าวว่า จากกรณีคณะผู้สังเกตการณ์จากองค์การต่อต้านคอรัปชั่น มีความกังวลเรื่องการจัดหาโครงการธีออส 2 ของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือจิสด้า ซึ่งต่อมากระทรวงวิทย์ ฯ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการกลาง ฯ ขึ้นมาตรวจสอบเมื่อ 17 ส.ค. 2561 โดยขอเวลาตรวจสอบ 1 เดือนนั้น แต่เนื่องจากโครงการมีรายละเอียดจำนวนมาก ซับซ้อน และต้องหาข้อมูลอื่นมาเทียบเคียง คณะกรรมการ ฯ จึงขอขยายเวลาไปอีก 1 เดือน ซึ่งขณะนี้ผลการตรวจสอบได้แล้วเสร็จและพร้อมเปิดเผยต่อสาธารณะ ซึ่งผลการพิจารณายังไม่พบประเด็นการทุจริต ทั้งนี้กระทรวงวิทย์ ฯ จะตั้งคณะกรรมการพิเศษ ขึ้นมาดูแลและติดตามการดำเนินงานตามสัญญาในทุกขั้นตอนต่อไป

ด้าน ศ.พิเศษ หิรัญ รดีศรี ประธานคณะกรรมการพิจารณากระบวนการจัดหาโครงการระบบดาวเทียม ธีออส 2 เปิดเผยว่า จากการสรุปข้อกังวลของคณะผู้สังเกตการณ์ ฯ พบว่ามี 4 ประเด็น คือ 1. การประเมินและให้คะแนน 2. ขั้นตอนการดำเนินงานของคณะกรรมการจัดหาฯ 3. เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงวงโคจรของดาวเทียมขนาดเล็ก และ 4. เกี่ยวกับผลประโยชน์ร่วมกันนั้น คณะกรรมการ ฯ ได้มีการตรวจสอบโดยพิจารณาจากเอกสารที่ได้รับรวมถึงซักถามกรรมการที่เกี่ยวข้องทั้งหมด พบว่าประเด็นการประเมินและให้คะแนนทางเทคนิค ยังอยู่ในกรอบของข้อกำหนดและหลักเกณฑ์ที่วางไว้ใน ITB ส่วนประเด็นวงโคจรของดาวเทียมขนาดเล็กนั้นไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงวงโคจรของดาวเทียมขนาดเล็กที่ผิดไปจากข้อกำหนด

สำหรับประเด็นขั้นตอนการดำเนินงานของคณะกรรมการจัดหา ฯ จากการตรวจสอบพบว่าการดำเนินงานทุกขั้นตอนได้รับการเห็นชอบจากคณะกรรมการบริหารจิสด้า ซึ่งถือว่าเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์กรจิสด้า ประกอบกับก่อนการตรวจสอบมีการลงนามในสัญญาแล้ว คณะกรรมการจึงไม่มีข้อสรุปเกี่ยวกับความถูกต้องหรือคลาดเคลื่อนในการปฏิบัติตามระเบียบ เนื่องจากได้ผ่านพ้นขั้นตอนที่อาจพิจารณาได้
ศ.พิเศษ หิรัญ กล่าวอีกว่า สำหรับประเด็นผลประโยชน์ร่วมกันของ Mr. Andy witt กับ Surrey Satellite Technology (UK) นั้น ในชั้นนี้คณะกรรมการฯ ได้พิจารณาเอกสารที่เกี่ยวข้องแล้ว เห็นว่าไม่สามารถระบุความสัมพันธ์กันได้และยังไม่มีหลักฐานปรากฏ เนื่องจากมีเวลาในการตรวจสอบน้อยไป ประกอบกับบริษัท Surrey ฯ มีหนังสือยืนยันว่าไม่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกัน อย่างไรก็ดีทางคณะกรรมการ ฯ ได้มีข้อเสนอแนะให้หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบตามกฎหมายโดยตรงไปดำเนินการต่อตามที่เห็นสมควรในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปได้
ด้านนายวิชัย อัศรัสกร รองประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) กล่าวว่า พอใจผลการตรวจสอบ ซึ่งระบุว่ายังไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่าทุจริต เนื่องจากเชื่อถือในคณะกรรมการ ฯ ที่มีความเป็นกลาง ทั้งนี้ในบางประเด็นที่ยังไม่ข้อสรุปที่ชัดเจน เช่น เรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน จะมีการส่งผลสอบ ให้คณะกรรมการความร่วมมือป้องกันการทุจริต (ค.ป.ท.) พิจารณาและดำเนินการโดยตรงต่อไป รวมถึงพิจารณาว่าจะมีการจัดส่งคณะผู้สังเกตการณ์ กลับเข้ามาทำหน้าที่ต่อไปอีกหรือไม่ เนื่องจากโครงการดังกล่าวยังเป็น 1 ใน 79 โครงการที่เข้าร่วมโครงการข้อตกลงคุณธรรม ซึ่งมูลค่ารวมทุกโครงการกว่า 1.1ล้านล้านบาท ทั้งนี้จากกรณีดังกล่าวจะเป็นบทเรียนให้ทุกฝ่ายรู้ว่าจะอ้างว่าเป็นข้อมูลความลับ ไม่ให้ผู้สังเกตการณ์เข้ามาตรวจสอบเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างไม่ได้ เพราะเป็นการจัดตั้งขึ้นตามกฏหมาย เพื่อความโปร่งใสในการดำเนินโครงการ.